วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การสวดอัพภาน

อัพภาน
การเรียกเข้า (การรับกลับเข้าหมู่
เป็นขั้นตอนสุดท้ายแห่งวุฏฐานวิธี คือ ระเบียบปฏิบัติในการออกจากครุกาบัติขั้น

สังฆาทิเสส ได้แก่การที่สงฆ์สวดระงับอาบัติ รับภิกษุผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
และได้ทำโทษตนเองตามวิธีที่กำหนดเสร็จแล้ว ให้กลับคืนเป็นผู้บริสุทธิ์

วิธีปฏิบัติ คือถ้าต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วไม่ได้ปิดไว้ พึงประพฤติมานัตสิ้น ๖ ราตรีแล้วขออัพภานกะสงฆ์วีสติวรรค

สงฆ์สวดอัพภานแล้ว ชื่อว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จากอาบัติ, แต่ถ้าภิกษุผู้ต้องปกปิดอาบัติไว้ล่วงวันเท่าใดต้องประพฤติวัตรเรียกว่า อยู่ปริวาสชดใช้ครบจำนวนวันเท่านั้นก่อน จึงประพฤติมานัตเพิ่มอีก ๖ ราตรี แล้วจึงขออัพภานกะสงฆ์วีสติวรรค เมื่อสงฆ์อัพภานแล้ว อาบัติสังฆาทิเสสที่ต้องชื่อว่าเป็นอันระงับ

การสวดอัพภาน ก็ต้องใช้สงฆ์ตั้งแต่ ๒๑ รูปขึ้นไป


วิธีการขออัพภาน

ภิกษุผู้ประพฤติปริวาสพอสมควรและถูกต้องตามพระวินัยแล้ว
ชื่อว่าเป็น มานัตตารหะผู้ควรแก่มานัต เมื่อมานัตตจาริกภิกษุประพฤติมานัต ๖ ราตรี โดยวินัยแล้วชื่อว่าเป็น "อัพภานารหะ ผู้ควรอัพภาน"
เมื่อจะขออัพภานพึงเตรียม
ดอกไม้ธูปเทียนให้พร้อม
ห่มผ้าเฉวียงบ่า (ห่มดองรัดอกแบบจีบจีวร)
เข้าไปหาสงฆ์อย่างน้อย ๒๐ รูป

ในเขตพัทธสีมา แล้วถวายเครื่อง สักการะดอกไม้ธูปเทียน
ครั้นถวายสักการะแล้ว นั่งคุกเข่ากราบ ๓ หน ตั้งนะโม ๓ จบ
ถอยห่างจากหัตถบาสสงฆ์ในระยะพอสมควรแล้วกล่าวคำสมาทานมานัต (ดังคำสมาทานมานัตที่กล่าวไว้ ข้างต้นแล้ว)เมื่อกล่าวคำสมาทานมานัตแล้วจึงถอยห่างจากหัตถบาสสงฆ์ในระยะพอสมควร แล้วบอกมานัตต่อสงฆ์(ดังคำสมาทานและ คำบอก ที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว) เมื่อได้กล่าวมานัตแล้ว จึงเข้าไปในหัตถบาสสงฆ์ แล้วกล่าวคำขออัพภานต่อสงฆ์วีสติวรรค คือ ๒๐ รูป(๒๑ รูป รวมองค์สวด)เป็นอย่างน้อย

ที่มาข้อมูล..
http://www.phuttha.com


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น